ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม ในการใช้ผ้ากันไฟ  (อ่าน 19 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 525
  • แหล่งรวมของสะสม เว็บลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี ซื้อ-ขายออนไลน์ ใหม่-มือสอง
    • ดูรายละเอียด
สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม ในการใช้ผ้ากันไฟ

การใช้ผ้ากันไฟในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง เพราะเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันและลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยที่อาจนำไปสู่ความเสียหายใหญ่หลวงต่อชีวิต ทรัพย์สิน และชื่อเสียงขององค์กร สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญมีดังนี้:

1. การประเมินความเสี่ยงและเลือกประเภทผ้ากันไฟที่เหมาะสม (Risk Assessment & Right Selection):

เข้าใจแหล่งกำเนิดความร้อนและประกายไฟ: ประเมินว่าในโรงงานมีจุดใดบ้างที่เกิดความร้อนสูง ประกายไฟ หรือสะเก็ดโลหะจากการเชื่อม ตัด เจียร หรือกระบวนการผลิตอื่น ๆ
อุณหภูมิสูงสุดที่ต้องทน: พิจารณาอุณหภูมิสูงสุดที่ผ้าต้องเผชิญ เพื่อเลือกชนิดของผ้ากันไฟ (ใยแก้ว, ซิลิก้า, เซรามิกไฟเบอร์) ที่มีขีดจำกัดการทนอุณหภูมิที่เหมาะสมและเพียงพอ

ลักษณะงาน:
งาน Hot Work: เลือกผ้ากันไฟ (Welding Blanket) ที่ทนสะเก็ดไฟและการทะลุผ่านได้ดี
กั้นความร้อน: เลือกผ้าที่มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนด้วย
ดับเพลิงเบื้องต้น: เลือกผ้าห่มดับเพลิง (Fire Blanket) ที่ใช้งานง่ายและมีขนาดเหมาะสม
คุณสมบัติพิเศษ: พิจารณาเรื่องการเคลือบสารเพื่อลดการระคายเคือง (สำหรับใยแก้ว), กันน้ำ/น้ำมัน, หรือทนสารเคมี หากจำเป็น


2. การติดตั้งและใช้งานอย่างถูกต้อง (Proper Installation & Usage):

ตำแหน่งการติดตั้ง: ผ้ากันไฟต้องถูกติดตั้งหรือวางในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการสกัดกั้นประกายไฟหรือความร้อน โดยต้องครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงอย่างเพียงพอ
การยึดตรึง: หากใช้เป็นฉากกั้นหรือม่าน ต้องยึดตรึงให้แน่นหนา ไม่ปลิวหรือเลื่อนหลุดง่าย
ไม่ใช้ผิดประเภท: ผ้าห่มดับเพลิงสำหรับคลุมไฟไม่ควรนำมาใช้เป็นผ้ากันสะเก็ดไฟในงานเชื่อมที่อาจทำให้ผ้าเสียหายได้ง่าย
การใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น: อาจต้องใช้ร่วมกับถังดับเพลิง หรือผู้เฝ้าระวังไฟ (Fire Watcher) ในงาน Hot Work


3. การฝึกอบรมพนักงาน (Employee Training):

ความรู้ความเข้าใจ: พนักงานทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่ก่อให้เกิดประกายไฟ หรือผู้ที่อาจต้องใช้ผ้ากันไฟ ควรได้รับการอบรมถึง:
ประเภทของผ้ากันไฟ: และคุณสมบัติของแต่ละชนิด
วิธีการใช้งานที่ถูกต้อง: ทั้งการใช้เป็นเกราะป้องกันและผ้าห่มดับไฟ
ตำแหน่งของผ้ากันไฟ: ในพื้นที่ทำงานและพื้นที่เสี่ยง
สัญญาณการชำรุด: และการรายงานเมื่อพบความผิดปกติ
การฝึกปฏิบัติ: ควรมีการฝึกซ้อมการใช้ผ้าห่มดับเพลิงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พนักงานมีความมั่นใจและสามารถปฏิบัติได้อย่างรวดเร็วในสถานการณ์จริง


4. การบำรุงรักษาและตรวจสอบสภาพ (Maintenance & Inspection):

การตรวจสอบประจำ: กำหนดตารางการตรวจสอบสภาพผ้ากันไฟอย่างสม่ำเสมอ (เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือก่อนใช้งาน Hot Work ทุกครั้ง) โดยให้ผู้รับผิดชอบด้านความปลอดภัย หรือผู้เฝ้าระวังไฟเป็นผู้ดำเนินการ
สังเกตสัญญาณการเสื่อมสภาพ: ตรวจสอบรอยฉีกขาด รู รอยไหม้ การแข็งกระด้าง การซีดจาง การหลุดลอกของสารเคลือบ หรือการระคายเคืองที่เพิ่มขึ้น (ดังที่ได้กล่าวไปในคำตอบก่อนหน้า)
การเปลี่ยนเมื่อชำรุด: หากพบว่าผ้ากันไฟมีการชำรุดเสียหาย ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ต้องเปลี่ยนใหม่ทันที ไม่ควรซ่อมแซมและนำกลับมาใช้
การจัดเก็บที่เหมาะสม: จัดเก็บผ้ากันไฟในที่แห้ง สะอาด ปลอดภัยจากความเสียหายทางกายภาพ แสงแดด และสารเคมี เพื่อยืดอายุการใช้งาน


5. การปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐาน (Compliance with Regulations & Standards):

กฎหมายไทย: แม้จะไม่ได้ระบุชนิดและจำนวนตายตัว แต่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย โดยถือว่าผ้ากันไฟเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการป้องกันที่จำเป็น

มาตรฐานสากล: พิจารณาปฏิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น NFPA (National Fire Protection Association) โดยเฉพาะ NFPA 51B (Standard for Fire Prevention During Welding, Cutting, and Other Hot Work) ซึ่งให้แนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมเรื่อง Hot Work และการใช้ผ้ากันไฟ

การลงทุนในผ้ากันไฟที่เหมาะสม การฝึกอบรมพนักงาน และการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เพียงการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน การปกป้องทรัพย์สิน และการสร้างความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของโรงงานอุตสาหกรรม