ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง (Purulent rhinitis)  (อ่าน 27 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 316
  • แหล่งรวมของสะสม เว็บลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี ซื้อ-ขายออนไลน์ ใหม่-มือสอง
    • ดูรายละเอียด
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง (Purulent rhinitis)

เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง หมายถึง การอักเสบของเยื่อจมูกจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้ในคนทุกวัย มักเป็นภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัด และอาจพบเป็นอาการแสดงอันหนึ่งของไซนัสอักเสบ ในเด็กอาจพบร่วมกับการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น สเตรปโตค็อกคัส สแตฟีโลค็อกคัส นิวโมค็อกคัส ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนเซ เป็นต้น ซึ่งอาจพบเป็นโรคแทรกซ้อนของไข้หวัด หรือพบในเด็กที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก (ซึ่งมักมีอาการน้ำมูกไหลเพียงข้างเดียวและหายใจมีกลิ่นเหม็น)

อาการ

คัดจมูก มีน้ำมูกข้นเหมือนหนองสีเหลืองหรือเขียว อาจหายใจมีกลิ่นเหม็น หรือปวดในรูจมูก

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

มักพบว่าเยื่อจมูกบวม มีลักษณะแดง ๆ และมีน้ำมูกข้นเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น

ในรายที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก จะพบมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรูจมูก และอาจตรวจพบไข้

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ ใช้กล้องส่องตรวจจมูก (rhinoscopy) ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเกิดจากไข้หวัด แพทย์จะให้ยาบรรเทาอาการ (เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้คัดจมูก ยาลดน้ำมูก) โดยไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ (เนื่องจากโรคนี้สามารถทุเลาเองได้ การให้ยาปฏิชีวนะมีผลข้างเคียงมากกว่าประโยชน์)

2. ถ้าตรวจพบว่าเป็นไซนัสอักเสบ ก็จะให้การดูแลรักษาแบบไซนัสอักเสบ

3. ถ้ามีสาเหตุจากสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ใช้เครื่องมือนำเอาสิ่งแปลกปลอมออก ใช้น้ำเกลือล้างจมูก และให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น โคอะม็อกซิคลาฟ) นาน 7-10 วัน

ผลการรักษา สำหรับไข้หวัดให้การรักษาตามอาการ ส่วนใหญ่มักจะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนในรายที่มีไซนัสอักเสบแทรกซ้อน หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก การรักษาที่ถูกต้องก็ช่วยให้หายเป็นปกติได้ภายใน 10-14 วัน

การดูแลตนเอง

หากมีอาการมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียว หายใจมีกลิ่นเหม็น ควรปรึกษาแพทย์

ถ้าพบว่าเป็นเยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการไซนัสอักเสบกำเริบ (เช่น มีไข้ ปวดศีรษะหรือใบหน้า ปวดและกดเจ็บบริเวณหน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม) หรือสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น)

การป้องกัน

1. เมื่อเป็นไข้หวัด ควรรักษาให้ถูกต้อง อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง

2. ระวังอย่าให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก

ข้อแนะนำ

หากมีอาการเป็นหวัด มีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียว หายใจมีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบมีอาการที่จมูกข้างเดียวในเด็กเล็ก อาจเกิดจากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ควรพบแพทย์เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก