เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ตาตัวดัง Juvederm VS Restylane ยี่ห้อไหนดี? ใต้ตาคล้ำ ลึก โทรม แต่งหน้ายังไงก็ไม่ช่วย! ถึงจะพักผ่อนเต็มที่แต่ตื่นมาหน้ายังดูเหนื่อยเหมือนอดนอนข้ามคืนอยู่ดี ซึ่งปัญหาใต้ตาเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนกังวล เพราะมันทำให้ใบหน้าของเราดูหมองคล้ำ ไม่สดใส
และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ "
ฟิลเลอร์ใต้ตา" ได้รับความที่นิยมอย่างมาก เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะช่วย เติมเต็มร่องลึก ลดความคล้ำ และทำให้หน้าของเราดูสดใสขึ้นทันที แบบไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมเลย
แต่พอจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คำถามที่หลายคนต้องเจอแน่ ๆ คือ "ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี?" เพราะปัจจุบันในตลาดมีฟิลเลอร์ใต้ตาหลายยี่ห้อมาก ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ
ฟิลเลอร์ใต้ตา2 แบรนด์ดังอย่าง Juvederm และ Restylane ที่แพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้กันเยอะที่สุด พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลยว่า แต่ละตัวมีจุดเด่นอะไร และเหมาะกับใครบ้าง
Juvederm VS Restylane – ฟิลเลอร์ใต้ตาสองตัวดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัก!ปัจจุบันฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัย และผ่านมาตรฐาน อย.ไทย มีอยู่หลายแบรนด์ แต่ 2 แบรนด์ที่ได้รับความนิยม และแพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้สำหรับใต้ตาคือ Juvederm และ Restylane เพราะเป็นฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ มีเนื้อสัมผัสที่ดี และอยู่ได้นานอีกด้วย
1. Juvederm – ฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมจากอเมริกา มีเทคโนโลยี Vycross ที่ช่วยให้เนื้อเจลเนียนเรียบ และติดทนนาน เหมาะกับคนที่ต้องการใต้ตาดูอิ่มฟูแบบเป็นธรรมชาติ มี 3 รุ่นมาแนะนำ ดังนี้
Juvederm Volite - คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์ละเอียด และเบา สามารถฉีดเข้าชั้นหนังแท้ ได้ดี เนื้อฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีผิวบาง ต้องการเติมเต็มใต้ตาชั้นตื้นให้ดูเรียบเนียน
- ระยะเวลาคงอยู่: 8 - 12 เดือน
Juvederm Volux - คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์แข็งที่สุด มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ปั้นขึ้นรูปได้ง่าย และมีความคงตัวสูง
- เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการเสริมโครงสร้างใต้ตาแบบชัดเจน
- ระยะเวลาคงอยู่: 18 - 24 เดือน
Juvederm Voluma - คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์แน่น เรียบเนียน มีความฟูระดับปานกลาง คงตัวได้ดีเมื่อฉีดเข้าผิว
- เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการเติมเต็มใต้ตาให้ดูอิ่มฟู สดใส และเป็นธรรมชาติ
- ระยะเวลาคงอยู่: 18 เดือน
2.Restylane – ฟิลเลอร์จากสวีเดน เนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่นสูง กระจายตัวดี เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ร่องลึกใต้ตา และช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น มี 5 รุ่นมาแนะนำ ดังนี้
Restylane Defyne- คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง เติมเต็มใต้ตาให้ดูเป็นธรรมชาติ
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีผิวบาง ที่ต้องการให้ใต้ตาดูเนียน
- ระยะเวลาคงอยู่: 18 เดือน
Restylane Vital Light - คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่ม มีเนื้อละเอียดที่สุด
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีผิวบาง ที่ต้องการเติมผิวชั้นตื้น แก้ปัญหาริ้วรอยเพิ่มความฉ่ำวาว
- ระยะเวลาคงอยู่: 6 - 12 เดือน
Restylane LYFT Lidocaine - คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความแน่น คงตัวสูง หลังฉีดไม่ค่อยฟู แต่ให้ความคงรูปได้เป็นอย่างดี
- เหมาะกับ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโครงสร้างใต้ตาให้ดูคมชัด
- ระยะเวลาคงอยู่: 12 เดือน
Restylane Classic - คุณสมบัติ: โมเลกุลขนาดใหญ่ เนื้อฟิลเลอร์แน่น เหมาะสำหรับเติมร่องตื้น - ลึก
- เหมาะกับ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมผิวใต้ตาชั้นลึก
- ระยะเวลาคงอยู่: 12 เดือน
Restylane Vital - คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่ม ละเอียด ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว
- ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มใต้ตาให้เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติสุด ๆ
- ระยะเวลาคงอยู่: 12 เดือน
จริง ๆ แล้ว Juvederm กับ Restylane เป็นสองแบรนด์ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสุด ๆ และมักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่แพทย์แนะนำสำหรับการฉีด
ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะกับเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ชื่อแบรนด์เท่านั้นนะ!
ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรถามตัวเองก่อนว่า…
- ปัญหาของเราอยู่ตรงไหน? – ใต้ตาลึก? รอยคล้ำ? ผิวบาง? หรืออยากเสริมโครงสร้างให้ดูมีมิติมากขึ้น?
- อยากได้ลุคแบบไหน? – ใครที่อยากได้ลุค ธรรมชาติ เบา ๆ ดูไม่โป๊ะ อาจชอบ Restylane ส่วนคนที่อยากได้ ลุคอิ่มฟู สดใส ดูเต็มขึ้น Juvederm ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
- อยากให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน? – โดยทั่วไป Juvederm จะอยู่ได้นานกว่า Restylane แต่ก็ต้องดูว่าเราพร้อมเติมใหม่บ่อยแค่ไหน
- ฟังความเห็นจากแพทย์ – แพทย์เป็นคนที่มองเห็นปัญหาของเราแบบละเอียดที่สุด และสามารถเลือกฟิลเลอร์ที่เข้ากับใบหน้าของเราได้ดีที่สุด
สุดท้ายแล้วการฉีด
ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่แค่การเลือกแบรนด์ดัง ๆ แล้วไปฉีดเลย แต่ควรเลือกให้เหมาะกับปัญหาและความต้องการของเรา ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวย เนียน และเป็นธรรมชาติ!