ผู้เขียน หัวข้อ: เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ตาตัวดัง Juvederm VS Restylane ยี่ห้อไหนดี?  (อ่าน 9 ครั้ง)

ceetanchanok

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
  • แหล่งรวมของสะสม เว็บลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี ซื้อ-ขายออนไลน์ ใหม่-มือสอง
    • ดูรายละเอียด
เปรียบเทียบฟิลเลอร์ใต้ตาตัวดัง Juvederm VS Restylane ยี่ห้อไหนดี?
ใต้ตาคล้ำ ลึก โทรม แต่งหน้ายังไงก็ไม่ช่วย!  ถึงจะพักผ่อนเต็มที่แต่ตื่นมาหน้ายังดูเหนื่อยเหมือนอดนอนข้ามคืนอยู่ดี ซึ่งปัญหาใต้ตาเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนกังวล เพราะมันทำให้ใบหน้าของเราดูหมองคล้ำ ไม่สดใส

และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ "ฟิลเลอร์ใต้ตา" ได้รับความที่นิยมอย่างมาก เพราะการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะช่วย เติมเต็มร่องลึก ลดความคล้ำ และทำให้หน้าของเราดูสดใสขึ้นทันที แบบไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมเลย

แต่พอจะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คำถามที่หลายคนต้องเจอแน่ ๆ คือ "ฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี?" เพราะปัจจุบันในตลาดมีฟิลเลอร์ใต้ตาหลายยี่ห้อมาก ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ ฟิลเลอร์ใต้ตา2 แบรนด์ดังอย่าง Juvederm และ Restylane ที่แพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้กันเยอะที่สุด พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลยว่า แต่ละตัวมีจุดเด่นอะไร และเหมาะกับใครบ้าง

Juvederm VS Restylane – ฟิลเลอร์ใต้ตาสองตัวดังที่ใคร ๆ ก็รู้จัก!
ปัจจุบันฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัย และผ่านมาตรฐาน อย.ไทย มีอยู่หลายแบรนด์ แต่ 2 แบรนด์ที่ได้รับความนิยม และแพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้สำหรับใต้ตาคือ Juvederm และ Restylane เพราะเป็นฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ มีเนื้อสัมผัสที่ดี และอยู่ได้นานอีกด้วย

1. Juvederm – ฟิลเลอร์ระดับพรีเมียมจากอเมริกา มีเทคโนโลยี Vycross ที่ช่วยให้เนื้อเจลเนียนเรียบ และติดทนนาน เหมาะกับคนที่ต้องการใต้ตาดูอิ่มฟูแบบเป็นธรรมชาติ มี 3 รุ่นมาแนะนำ ดังนี้

Juvederm Volite
  • คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์ละเอียด และเบา สามารถฉีดเข้าชั้นหนังแท้ ได้ดี เนื้อฟิลเลอร์อุ้มน้ำได้ดี
  • เหมาะกับ: ผู้ที่มีผิวบาง ต้องการเติมเต็มใต้ตาชั้นตื้นให้ดูเรียบเนียน​
  • ระยะเวลาคงอยู่: 8 - 12 เดือน

Juvederm Volux
  • คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์แข็งที่สุด มีโมเลกุลขนาดใหญ่ ปั้นขึ้นรูปได้ง่าย และมีความคงตัวสูง​
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการเสริมโครงสร้างใต้ตาแบบชัดเจน​
  • ระยะเวลาคงอยู่: 18 - 24 เดือน

Juvederm Voluma
  • ​​คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์แน่น เรียบเนียน มีความฟูระดับปานกลาง คงตัวได้ดีเมื่อฉีดเข้าผิว​
  • เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการเติมเต็มใต้ตาให้ดูอิ่มฟู สดใส และเป็นธรรมชาติ​
  • ระยะเวลาคงอยู่: 18 เดือน

2.Restylane – ฟิลเลอร์จากสวีเดน เนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่นสูง กระจายตัวดี เหมาะกับคนที่ต้องการแก้ร่องลึกใต้ตา และช่วยปรับผิวให้เรียบเนียนขึ้น มี 5 รุ่นมาแนะนำ ดังนี้

Restylane Defyne
  • คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง เติมเต็มใต้ตาให้ดูเป็นธรรมชาติ
  • เหมาะกับ: ผู้ที่มีผิวบาง ที่ต้องการให้ใต้ตาดูเนียน
  • ระยะเวลาคงอยู่: 18 เดือน

Restylane Vital Light
  • คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่ม มีเนื้อละเอียดที่สุด
  • เหมาะกับ: ผู้ที่มีผิวบาง ที่ต้องการเติมผิวชั้นตื้น แก้ปัญหาริ้วรอยเพิ่มความฉ่ำวาว
  • ระยะเวลาคงอยู่: 6 - 12 เดือน

Restylane LYFT Lidocaine
  • คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความแน่น คงตัวสูง หลังฉีดไม่ค่อยฟู แต่ให้ความคงรูปได้เป็นอย่างดี​
  • เหมาะกับ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมโครงสร้างใต้ตาให้ดูคมชัด
  • ระยะเวลาคงอยู่: 12 เดือน

Restylane Classic
  • คุณสมบัติ: โมเลกุลขนาดใหญ่ เนื้อฟิลเลอร์แน่น เหมาะสำหรับเติมร่องตื้น - ลึก​
  • เหมาะกับ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมผิวใต้ตาชั้นลึก​
  • ระยะเวลาคงอยู่: 12 เดือน

Restylane Vital
  • คุณสมบัติ: เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่ม ละเอียด ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว
  • ความเหมาะสม: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มใต้ตาให้เรียบเนียน ดูเป็นธรรมชาติสุด ๆ​
  • ระยะเวลาคงอยู่: 12 เดือน

จริง ๆ แล้ว Juvederm กับ Restylane เป็นสองแบรนด์ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมสุด ๆ และมักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่แพทย์แนะนำสำหรับการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะกับเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่ชื่อแบรนด์เท่านั้นนะ!

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรถามตัวเองก่อนว่า…
  • ปัญหาของเราอยู่ตรงไหน? – ใต้ตาลึก? รอยคล้ำ? ผิวบาง? หรืออยากเสริมโครงสร้างให้ดูมีมิติมากขึ้น?
  • อยากได้ลุคแบบไหน? – ใครที่อยากได้ลุค ธรรมชาติ เบา ๆ ดูไม่โป๊ะ อาจชอบ Restylane ส่วนคนที่อยากได้ ลุคอิ่มฟู สดใส ดูเต็มขึ้น Juvederm ก็เป็นตัวเลือกที่ดี
  • อยากให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน? – โดยทั่วไป Juvederm จะอยู่ได้นานกว่า Restylane แต่ก็ต้องดูว่าเราพร้อมเติมใหม่บ่อยแค่ไหน
  • ฟังความเห็นจากแพทย์ – แพทย์เป็นคนที่มองเห็นปัญหาของเราแบบละเอียดที่สุด และสามารถเลือกฟิลเลอร์ที่เข้ากับใบหน้าของเราได้ดีที่สุด

สุดท้ายแล้วการฉีด ฟิลเลอร์ใต้ตาไม่ใช่แค่การเลือกแบรนด์ดัง ๆ แล้วไปฉีดเลย แต่ควรเลือกให้เหมาะกับปัญหาและความต้องการของเรา ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวย เนียน และเป็นธรรมชาติ!